โดยพื้นฐานแล้วหุ้นก็จะแบ่งออกเป็นหลายๆ ตัวหลายๆ กลุ่มหลายๆ ประเภทเราก็มักจะได้ยินว่าหุ้นปันผล หุ้นรายวัน หุ้นเติบโต รวมถึงหุ้นมั่นคง แต่โดยพื้นฐานการดำรงอยู่ของหุ้นก็จะมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าจังหวะ ในบางทีเราก็จะเห็นว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นขาขึ้น หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นขาลง เปลี่ยนไปตามกลไกตลาดของเศรษฐกิจ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า วัฏจักรทางเศรษฐกิจ เราจะเรียกกลุ่มหุ้นลักษณะนี้ว่า หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) และถ้าใครอยากรู้ว่าหุ้นวัฏจักรคืออะไร ก็อย่ารอช้าติดตามหาอ่านได้เลยในบทความนี้
หุ้นวัฏจักร คืออะไร
หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับคำว่า Cyclical Stock หรือถ้าให้แปลเป็นไทยคงแปลความหมายตรงๆ ได้ว่า หุ้นวัฏจักร แต่ใครบ้างละที่จะรู้ว่าหุ้นวัฏจักร คืออะไร มีความหมายอย่างไร วันนี้เราจะมาไขคำตอบไปด้วยกัน โดยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้วเราจะแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจ ซึ่งสำหรับหุ้นวัฏจักรแล้วก็ยึดโยงตามหลักของพื้นฐานทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน และถ้าใครอยากรู้ว่า 4 ขั้นของวัฏจักรทางเศรษฐกิจมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. ช่วงเวลาแห่งการขยายตัว (Expansion) ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้น จัดว่าเป็นช่วงเวลาของการเติบโตทางธุรกิจ จะมีการขยายตัวค่อนข้างเร็ว (ตลาดกระทิง มีวิธีการสังเกตอย่างไร) หากธุรกิจไปได้ดีก็จะได้รับการตอบรับในเวลาที่ไม่ช้า ถ้าเปรียบเป็นหุ้นวัฏจักรคือช่วงเริ่มต้น การลองผิดลองถูก ถ้าจับจังหวะได้ก็ไปได้อย่างรวดเร็ว
2. ช่วงเวลาที่ถึงจุดสูงสุด (Peak) ช่วงเวลาแห่งความปลื้มปีติยินดีหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการขยายตัวมาแล้ว คุณก็ได้ชื่นชมกับผลงานอันสุดยอดของคุณ ถ้าธุรกิจของคุณไปได้ด้วยดี นี่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่คุณต้องเตรียมตัวที่จะอยู่ในจุดอิ่มตัว กำไรที่คุณเคยได้งอกงามอาจจะ ได้แต่ไม่เยอะเหมือนในช่วงแรกแต่ก็ยังคงประคองตัวเองไปได้เรื่อยๆ ถ้าเปรียบกับหุ้นวัฏจักรคือ ช่วงแห่งการ ประคองตัวให้อยู่ในตลาด รักษาสมดุลเอาไว้ อาจจะไม่ได้กำไรมากมาย แต่ก็ยังคงรักษากำไรได้อยู่เสมอ
3. ช่วงเวลาแห่งการถดถอย (Recession) ช่วงเวลาแห่งการรับมือ ในบางจังหวะธุรกิจอาจเป็นไปไม่สวยนัก พยายามทุกหนทาง แต่ก็ยังไม่พบกับเส้นทางที่อยากได้ กำไรที่มีก็หดหาย แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณจะต้องรับมือกับสถานะการณ์ลักษณะนี้ให้ได้ ประคองตัวเองไปเรื่อยๆ วันนึงที่จังหวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ธุรกิจคุณอาจจะกลับมาก็ได้ ถ้าเปรียบเหมือนหุ้นวัฏจักร คือ ช่วงเวลาแห่งการล้มลุก ช่วงเวลาแห่งการทดลอง การปรับเปลี่ยนจังหวะการลงทุน อาจจะมีพลาดพลั้งไปบ้าง แต่คุณก็ต้องยืนระยะไว้ให้ได้
4. ช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัว (Recovery) ช่วงเวลาที่เราจะต้องผลักดันตัวเองกลับมาอีกครั้งนึง ดังสุภาษิตไทยที่พูดว่า คนล้มอย่าข้าม ในวันหนึ่งที่เราลุกขึ้นมาได้ เราจะจำได้เสมอว่าใครที่เหยียบย่ำเรา ใครที่ช่วยเหลือเรา ก่อนที่จะถึงวันนั้นเราอย่าถอดใจ และเมื่อโอกาสมาถึง เราก็ต้องผลักดันตัวเองให้เต็มที่ เปรียบเหมือนหุ้นวัฏจักร คือพายุที่โหมกระหน่ำ กำไรหดหายแทบหมดตัว แต่เมื่อเจอจังหวะที่เรา ต้องลงทุนก็อย่ารอช้าถ้าเห็นว่าได้แล้วก็ลุยเลย เหมือนคำว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก
หุ้นวัฏจักร กลไกของธุรกิจ
ในช่วงที่อุตสาหกรรมเริ่มเติบโต เศรษฐกิจก็เติบโตตามไปด้วย หุ้นวัฏจักร คือ กลไกธุรกิจ เมื่อธุรกิจเติบโตอุตสาหกรรมเติบโต เศรษฐกิจเติบโต หุ้นวัฏจักรก็ต้องเติบโตเช่นกัน เมื่อธุรกิจที่เราสนใจ หรือลงทุนอยู่นั้น มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด นักลงทุนก็อยากจะลงทุนด้วย ราคาหุ้นก็จะดีดตัวขึ้น ผู้ที่ถือหุ้นอยู่ก็จะได้กำไร ถ้าเขาปล่อยขายเขาก็จะได้ ผลตอบแทนที่ชัดเจน แต่ถ้าเขาเก็บไว้ ผลกำไรนั้นก็จะงอกงามออกมาเรื่อยๆ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังเติบโต
หากมองอีกนัยนึงแล้ว ไม่ได้มองถึงภาคอุตสาหกรรม มองถึงภาคผู้บริโภค อุปโภค สินค้า ค้าขาย เมื่อคุณขายสินค้าใดสินค้าหนึ่ง รับรู้ได้ถึงความต้องการที่มากขึ้น เติบโตขึ้นจนคุณไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทัน วิธีการรักษาดุลความต้องการเอาไว้ และควบคุมการผลิตให้ ตอบโจทย์ความต้องการได้
สิ่งหนึ่งก็คือการขึ้นราคาสินค้า ให้อยู่ในจุดที่สมดุลที่สุดไม่ให้อุปสงค์มากกว่าอุปทาน เมื่อถึงจุดที่อุปสงค์ และอุปทานบัลลานซ์ในตัวเอง นั้นคือจุดที่สมดุลของการค้า หุ้นวัฏจักร คือหลักการเดียวกัน เมื่อคุณต้องการให้หุ้นของคุณมีกำไรเพิ่มขึ้น คุณอาจจะต้องสร้างอุปสงค์ที่ทำให้คนต้องการซื้อหุ้นของคุณมากยิ่งขึ้น ราคาหุ้นก็จะขยับมากขึ้นสุดท้ายกำไรก็จะเป็นของคุณ
ในทำนองเดียวกันหากคุณถือ หรือครอบครองหุ้นที่ราคากำลังเริ่มตกอยู่ และคุณกำลังสงสัยว่าควรซื้อเพิ่ม หรือควรขายดี ให้คุณมองถึงภาพเศรษฐกิจโดยรวม ถ้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะขยับตัวไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ภายใต้เงื่อนไขไม่ใช่คำโกหก เพราะทุกคนก็สามารถพูดได้ว่าต่อไปในอนาคตสภาพเศรษฐกิจจะดียิ่งขึ้น แต่ต้องถามกลับไปว่า จะใช้เวลานานเท่าไหร่ บางทีระยะเวลาในการรอคอยกว่าจะถึงจุดนั้น ธุรกิจ หรือหุ้นที่คุณลงทุนอยู่ ก็อาจจะยืนระยะรอเวลานั้นมาถึงไม่ได้
หุ้นวัฏจักร คือการหมุนเวียนของเวลา
ในช่วงเวลาที่คุณรอคอยการเติบโตของเศรษฐกิจ เพื่อหวังจะมาช่วยทำให้ราคาหุ้นขยับตัวขึ้นมันยาวนานเกินไป การมีอยู่ของหุ้นที่คุณครอบครองอยู่อาจจะลดมูลค่าลงไปเรื่อยๆ คุณอาจจะรอได้ ในระยะเวลาหนึ่งเพื่อดูตลาด คุณอาจจะตั้งราคาเอาไว้ในใจ เพราะว่าเมื่อถึงจุดที่คุณรับได้ต่ำสุดแล้ว และราคาหุ้นยังลงไปต่ำกว่านั้นอีกคุณอาจจำเป็นจะต้องเทขายออกไป
อย่างที่บอกว่าทุกการวิเคราะห์ หุ้นวัฏจักร คือสิ่งที่ไม่มีอะไรตายตัว ในบางจังหวะที่คุณตั้ง ขอบเขตต่ำสุดเอาไว้ แล้วคุณเทขายไป เพราะราคาหุ้นต่ำกว่าขอบเขตที่คุณวางไว้ บางทีในวันถัดมาราคาอาจขยับขึ้นก็เป็นได้ ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเชื่อการวิเคราะห์ใดก็ตาม หรือจะเดินตามคำแนะนำของคนอื่น แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจขาย หรือซื้อหุ้นคือตัวคุณ อย่าโทษคนอื่น บางคนชอบโยนความผิดให้กับการวิเคราะห์ของนักลงทุน แต่ทำไมคุณไม่มองกลับไปว่า แล้วทำไมตัวเราเองถึงต้องเชื่อนักลงทุน ถ้าคุณไม่เชื่อนักลงทุน คุณก็อาจจะอยู่ในจุดที่กำไรกลับคืนมาก็เป็นไปได้ หรืออาจจะขาดทุนไปมากกว่าเดิมก็เป็นไปได้ ทุกการตัดสินใจอยู่ที่ตัวคุณ
ในยามที่เรามีสิ่งของที่เราไม่ต้องการเปรียบเหมือนเป็นขยะในชีวิตของเรา และในบางเวลาที่ขยะของเราอาจจะเป็น สร้อยทอง หรือกำไรของคนอื่น คำนี้ก็เปรียบเหมือนหุ้นวัฏจักร คือการหมุนเวียนของเวลา บางจังหวะหุ้นที่เราถือครอบครองอยู่ อาจมองว่ามันไม่มีค่า เราอยากจะขายมันออกไป แต่ก็มีคนมองเห็นหุ้นที่เราไม่ต้องการ เป็นสิ่งที่เขาต้องการเช่นเดียวกัน และในบางเวลาหุ้นที่คนอื่นไม่ต้องการ ก็อาจจะเป็นหุ้นที่เราต้องการเช่นเดียวกัน มันอยู่ที่มุมมอง และเวลามากกว่า
นอกจากนี้หุ้นที่ทั้งเรา และคนอื่นมีความต้องการ นั่นคือหุ้นที่กำลังจะโดนเก็งกำไร เราอาจจำเป็นจะต้องหาหุ้นที่คนอื่นไม่ต้องการ ซื้อมาเพื่อมาทำกำไร ในรูปแบบของเราก็ได้ ถ้าให้แนะนำก็คือ เราต้องศึกษาข้อมูลทุกๆ อย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ แนวโน้มการลงทุน รวมไปถึงข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน จะได้มีวิธีการคิดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
หุ้นวัฏจักรคืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ก่อนที่เราจะเข้าใจว่าหุ้นวัฏจักรคืออะไร เราอาจจำเป็นจะต้องศึกษาภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีแนวโน้ม ที่จะส่งผลกับหุ้นวัฏจักรเสียก่อน ซึ่งเราเรียกสิ่งต่างๆ เหล่านี้ว่าภาคส่วน (Sector) ซึ่งจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ไปดูรายละเอียดกันเลย
1. ภาคส่วนทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยวสำหรับหุ้นวัฏจักร คืออุตสาหกรรมเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสายการบินธุรกิจเดินเรือ หรือธุรกิจโรงแรมหากมีแนวโน้มที่ขยายตัวขึ้น คนใช้บริการกันเยอะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากันมากมาย แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น อยู่ในสภาวะขาขึ้นเช่นกัน
แต่โดยปกติคนส่วนใหญ่ จะใช้เวลาในวันหยุดอยู่บ้านพักผ่อนธรรมดา ไม่ได้มีชีวิตที่หรูหราอะไรมาก เขาไม่ต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม หรือพักผ่อน เพราะอยากเก็บเงินไว้ใช้ ก็แปลว่าช่วงนั้นสภาพสภาวะเศรษฐกิจอาจอยู่ในช่วงขาลง ไม่เหมาะแก่การลงทุน
2. ภาคส่วนทางด้านธุรกิจการบริการสำหรับหุ้นวัฏจักร คืองานบริการ โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อสภาวะเศรษฐกิจ ค่อนข้างย่ำแย่ หรือฝืดเคือง คนก็จะออกไปกินไปดื่มใช้จ่ายลดน้อยลง ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทร้านอาหารผับ หรือบาร์สถานบันเทิงต่างๆ มักจะประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เวลาจะลงทุนอะไรสักอย่างเราสามารถสังเกตจากสิ่งเหล่านี้ได้
3. ภาคส่วนธุรกิจทางด้านธนาคารสำหรับหุ้นวัฏจักร คือเราสังเกตได้จากการใช้สอยผ่านบัตรเครดิตการกู้ยืมเงิน การติดต่อธนาคารเพื่อทำการสอบถาม หรือลงทุนต่างๆ ถ้าอยู่ในช่วงที่ธุรกิจกำลังไปได้สวย เศรษฐกิจขยับเขยื้อนไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง คนก็จะหันมาลงทุน และใช้จ่ายกันสะดวกสบายผ่านบัตรเครดิต โดยไม่ต้องกังวลหน้ากังวลหลัง (ธนาคารกลางคืออะไร)
4. ภาคส่วนธุรกิจทางด้านผู้ผลิตรถยนต์สำหรับหุ้นวัฏจักร คืออุตสาหกรรมรถยนต์มองได้สองแบบ ทั้งในส่วนของภาคการผลิต และภาคการจับจองซื้อขายถ้าเรามองที่บริบทของการซื้อขายรถยนต์ เราจะดูจากปริมาณการซื้อขายในแต่ละปีว่ามีการซื้อขายมากน้อยเพียงใด นั่นคือการมองเบื้องต้นจะสังเกตให้เห็นว่า กำลังของผู้ซื้อสอดคล้องต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถ้าผู้ซื้อมีจำนวนเยอะมาก แปลว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เป็นไปได้ด้วยดี
แต่ถ้าผู้ซื้อมีจำนวนไม่เยอะมาก แปลว่าสภาพเศรษฐกิจอาจมีปัญหาไม่มากก็น้อย และในส่วนถัดมาคือ ในภาคของการผลิต หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามของฐานการผลิต ถ้าไลน์ผลิตบริษัทใหญ่ๆ มาอยู่ในประเทศไทย แสดงว่าเขามองเห็นโอกาสในระยะยาวที่จะทำกำไรได้จากฐานผลิตในประเทศไทย แต่ในทำนองกลับกันถ้าเขาย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น ให้มองได้สองแบบอาจมีประเทศอื่นที่น่าสนใจกว่าประเทศไทย หรือประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ไม่น่าลงทุนในระยะยาว ซึ่งคุณก็ต้องเป็นคนพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมเอง
5. ภาคส่วนธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีสำหรับหุ้นวัฏจักร คือการออกสินค้าใหม่ๆ เทคโนโลยีที่เปิดตัวตลอดเวลา แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีความต้องการในเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งคอมพิวเตอร์โทรศัพท์ มือถือ เกมคอนโซล มันคือเครื่องมือแห่งความบันเทิง แต่โดยปัจจัยแล้ว สามารถแบ่งออกเป็นสองแบบ อย่างแรกที่พูดไปก็คือปัจจัยการซื้ออุปกรณ์เทคโนโลยีประเภทต่างๆ และอีกหนึ่งปัจจัยคือ ฐานการผลิตเทคโนโลยีต่างๆ
เปรียบเหมือนธุรกิจประเภทผลิตรถยนต์ ถ้าประเทศไทยได้รับการยอมรับในระยะยาว อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ก็จะถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย แต่ถ้ามีประเทศอื่นที่แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือมากกว่าประเทศไทย หรือมีโอกาสสร้างผลประโยชน์ได้มากกว่าประเทศไทย เขาก็จะย้ายไปที่ประเทศนั้น และเลวร้ายที่สุดก็คือเขาไม่เชื่อมั่นฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งถ้าเราทราบเหตุการณ์ลักษณะนี้ มันก็สามารถวิเคราะห์ได้ในหลายปัจจัยประกอบกัน รู้ไว้ก่อนดีกว่าสาย
6. ภาคส่วนธุรกิจทางด้านเหมืองแร่สำหรับหุ้นวัฏจักรคือ วัตถุดิบที่เติบโต และมีความต้องการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแร่โลหะแร่ทองแดงแร่เหล็ก สิ่งเหล่านี้ ถ้ามีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้นมียอดขายที่สูงขึ้น ก็แสดงให้เห็นได้เช่นเดียวกัน ว่าสถานการณ์ธุรกิจ หรือเศรษฐกิจในประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ ได้รับการไว้วางใจ และมีความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอยู่
สรุปหุ้นวัฏจักร
ถ้าเราพูดถึงหุ้นวัฏจักรคืออะไรคำตอบง่ายๆ เลยก็คือ หุ้นที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การถดถอยของสภาวะทางด้านการลงทุน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่อหุ้นวัฏจักรอย่างแน่นอน ในสภาวะที่เลวร้าย โอกาสที่หุ้นวัฏจักรจะเลวร้ายตามไปด้วยก็มีเช่นเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมากับสถานการณ์โควิด 19 ธุรกิจบางประเภทได้รับผลกระทบมากมายทำให้ราคาหุ้นตก แต่ธุรกิจไอทีบางประเภทก็ได้รับการตอบรับในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์ไอทีต่างๆ มากมาย ราคาหุ้นเหล่านั้นก็ดีดตัวขึ้นอธิบายง่ายๆ ก็คือหุ้นวัฏจักร ไม่ได้มีเฉพาะสถานการณ์ที่แย่ แต่ในสถานการณ์ที่ดีๆ ก็มีเช่นเดียวกัน